การปลูกเมล่อนในโรงเรือนเป็นวิธีการเกษตรที่ยอดเยี่ยมซึ่งช่วยให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง ควบคุมศัตรูพืชได้ดีขึ้นและปลูกได้ตลอดทั้งปี ด้วยเทคนิคและการดูแลที่เหมาะสม เกษตรกรสามารถให้ผลผลิตที่น่าประทับใจได้แม้ในพื้นที่จำกัด ต่อไปนี้คือเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยให้คุณปลูกแตงโมที่หวานฉ่ำได้สำเร็จในสภาพแวดล้อมของเรือนกระจก
การปลูกเมล่อนในโรงเรือนเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการควบคุมสภาพแวดล้อมและลดความเสี่ยงจากโรคและแมลงศัตรูพืช เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและได้ราคาดีเคล็ดลับสำคัญในการปลูกเมล่อนในโรงเรือน:
1. การเลือกโรงเรือนและสภาพแวดล้อม:
โรงเรือน: ควรเป็นโรงเรือนที่มีระบบระบายอากาศที่ดี มีตาข่ายกันแมลง (เช่น 32 ตา) เพื่อป้องกันศัตรูพืชเข้าทำลาย และสามารถควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้
อุณหภูมิ: เมล่อนเจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิ 22-35 องศาเซลเซียส
แสงแดด: เมล่อนต้องการแสงแดดอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน โรงเรือนควรได้รับแสงแดดเพียงพอ
2. การเตรียมดิน/วัสดุปลูก:
ดิน: ควรใช้ดินที่ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง เช่น ดินทราย 2 ส่วน ผสมขี้วัว 1 ส่วน และอาจผสมไตรโคเดอร์มาเพื่อป้องกันเชื้อรา
ค่า pH: ค่า pH ที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 6.0-6.8
3. การเพาะกล้า:
แช่เมล็ด: แช่เมล็ดในน้ำอุ่นประมาณ 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 2-4 ชั่วโมง จากนั้นล้างเมล็ดให้สะอาด แล้วนำไปห่อด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ ทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อกระตุ้นการงอก
เพาะในถาดเพาะ: เมื่อรากเริ่มงอก ให้ย้ายลงถาดเพาะและเลี้ยงกล้าในที่ร่มรำไร 7-10 วัน หรือจนกว่าต้นกล้ามีอายุประมาณ 20 วัน ก่อนย้ายลงแปลงปลูก
ระยะห่าง: ขุดหลุมปลูกขนาด 50x50x50 เซนติเมตร ห่างกันประมาณ 1 เมตร
4. การดูแลรักษา:
การให้น้ำ: รดน้ำให้เพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงเช้าและกลางวัน หลีกเลี่ยงการรดน้ำช่วงเย็นเกินไป เพราะอาจทำให้ใบเปียกชื้นและเกิดโรคราน้ำค้างได้ การติดตั้งระบบน้ำหยดจะช่วยควบคุมปริมาณน้ำและปุ๋ยได้ดี
การให้ปุ๋ย:
ช่วงแรก (7-24 วันหลังปลูก): เน้นปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น 16-16-16 หรือ 15-15-15 เพื่อบำรุงต้นและใบ
ช่วงกลาง (25-44 วันหลังปลูก): ปรับเป็นปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมสูงขึ้น เช่น 14-14-21 เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการออกดอกและติดผล
ช่วงท้าย (45-60 วันหลังปลูก หรือช่วงพัฒนาผล): เน้นปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมสูงมาก เช่น 0-0-60 เพื่อเร่งความหวานและคุณภาพผล
ควรให้ปุ๋ยตามความต้องการของพืชและตามคำแนะนำของผู้ผลิต อาจให้วันเว้นวัน หรือตามตารางที่กำหนด
การตัดแต่งกิ่ง: ตัดแต่งกิ่งแขนงที่ไม่จำเป็นออก เพื่อให้ต้นได้รับแสงแดดทั่วถึงและสารอาหารไปเลี้ยงผลหลักได้อย่างเต็มที่ ควรไว้ลูกในข้อที่เหมาะสม (ประมาณข้อที่ 8-10 หรือ 12-15) และควรไว้เพียง 1 ผลต่อต้น เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี ลูกใหญ่ และหวาน
การผสมเกสร: เนื่องจากปลูกในโรงเรือน แมลงผสมเกสรอาจไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องช่วยผสมเกสรด้วยมือในช่วงเช้า (ประมาณ 06.00-10.00 น.) โดยนำเกสรตัวผู้มาแตะกับเกสรตัวเมีย
การเด็ดลูก: เมื่อติดผลแล้ว ควรเลือกผลที่สมบูรณ์ที่สุดไว้เพียง 1-2 ผลต่อต้น ส่วนผลอื่น ๆ ให้เด็ดทิ้งไป เพื่อให้ผลที่เหลือได้รับสารอาหารเต็มที่และมีคุณภาพดี
5. การป้องกันและกำจัดศัตรูพืชและโรค:
โรคที่สำคัญ: ไวรัส (มีพาหะคือเพลี้ยไฟและแมลงหวี่ขาว), โรคราน้ำค้าง, โรครากเน่า
แมลงศัตรูพืช: เพลี้ยอ่อน, ไรแดง, แมลงหวี่ขาว, เพลี้ยไฟ
การป้องกัน:
โรงเรือน: ใช้มุ้งตาข่ายขนาด 32 ตา ป้องกันแมลงเข้า
กับดักแมลง: ใช้แผ่นกาวเหนียวสีเหลือง (Sticky Trap) หรือกาวดักแมลงสีเหลืองแขวนกระจายทั่วโรงเรือน เพื่อล่อและดักจับแมลงปากดูด เช่น เพลี้ยไฟ แมลงหวี่ขาว
สุขอนามัย: รักษาความสะอาดในโรงเรือน กำจัดวัชพืช และเศษซากพืช
ไส้เดือนฝอย: หากพบไส้เดือนฝอยในดิน ควรจัดการโดยเร็ว เนื่องจากเป็นศัตรูพืชที่ทำลายระบบราก
ชีวภัณฑ์: พิจารณาใช้ชีวภัณฑ์ในการควบคุมศัตรูพืชแทนสารเคมี เพื่อความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การพ่นสารป้องกันกำจัด: หากมีการระบาด ควรใช้สารเคมีที่ปลอดภัยและเหมาะสมตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพ่นสารคือ 06.00-09.00 น. หรือ 16.00-19.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ปากใบเปิด ทำให้พืชดูดซึมสารได้ดี
6. การเก็บเกี่ยว:
โดยทั่วไปเมล่อนจะใช้เวลาประมาณ 70-75 วัน นับจากวันเพาะเมล็ด หรือประมาณ 38-42 วันหลังผสมดอก ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
สังเกตลักษณะของผล เช่น กลิ่นหอม สีผิว ลายตาข่าย หรือรอยแตกบริเวณขั้วผล ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเมล่อนสุกพร้อมเก็บเกี่ยว
ชนิดของเมล่อนที่นิยมปลูกในโรงเรือน:
มีเมล่อนหลายสายพันธุ์ที่เหมาะกับการปลูกในโรงเรือนและได้รับความนิยม เช่น
เมล่อนเนื้อสีส้ม/เขียว ผิวตาข่าย (Musk Melon): เช่น พันธุ์บารมี, พันธุ์โมริซัง, พันธุ์แสนหวาน, เพิร์ลเมล่อน
เมล่อนผิวเรียบ/สีทอง: เช่น พันธุ์จันทร์ฉาย, เมล่อนเนื้อสีทอง (Golden dragon)
เมล่อนพันธุ์ไทย: เช่น พันธุ์มะลิ (เนื้อขาว หอมคล้ายมะลิ)
เมล่อนไข่มังกร: เปลือกสีเขียวเข้ม ผิวมีรอยแตก เนื้อสีส้ม
การปลูกเมล่อนในโรงเรือนต้องอาศัยการดูแลเอาใจใส่และควบคุมปัจจัยต่างๆ อย่างใกล้ชิด แต่ผลตอบแทนที่ได้ก็คุ้มค่า เนื่องจากเมล่อนเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงและเป็นที่ต้องการของตลาด
การปลูกเมล่อนในโรงเรือนเป็นกิจการที่ทำกำไรและคุ้มค่าเมื่อทำอย่างถูกต้อง ด้วยการควบคุมสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม การเตรียมดิน และการดูแลอย่างสม่ำเสมอ คุณจะสามารถผลิตแตงโมคุณภาพเยี่ยมที่ตอบสนองความต้องการของตลาดได้ ไม่ว่าจะเพื่อการบริโภคส่วนตัวหรือการขายเชิงพาณิชย์ การเรียนรู้เทคนิคในโรงเรือนจะยกระดับการปลูกแตงโมของคุณไปอีกขั้น
