เคล็ดลับการทำไข่ออนเซ็นที่บ้านง่ายกว่าที่คิด เพิ่มสัมผัสแห่งความอร่อยให้กับทุกมื้ออาหาร

ไข่ออนเซ็นคือไข่ลวกแสนอร่อยที่มีไข่แดงสีขาวนวลเนียน ปรุงด้วยวิธีการดั้งเดิมในน้ำพุร้อนอุ่นๆ แต่คุณไม่จำเป็นต้องเดินทางไปญี่ปุ่นก็สามารถเพลิดเพลินกับรสชาติแสนอร่อยนี้ได้ เพราะการทำไข่ออนเซ็นที่บ้านนั้นง่ายกว่าที่คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้หม้อไฟฟ้า ไข่ออนเซ็น ไข่แดงเยิ้มๆ ไข่ขาวนุ่มๆ เป็นเมนูยอดนิยมที่หลายคนชื่นชอบ

แต่บางครั้งก็ดูเหมือนจะทำยาก วันนี้เราจะมาบอกเคล็ดลับการทำไข่ออนเซ็นแบบง่ายๆ ด้วย หม้อไฟฟ้า

ไข่ออนเซ็นคืออะไร?
ไข่ออนเซ็นมีความพิเศษตรงที่ต้มด้วยอุณหภูมิต่ำและสม่ำเสมอ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 70-75 องศาเซลเซียส (158-167 องศาฟาเรนไฮต์) ซึ่งทำให้ไข่ขาวตั้งตัวได้นุ่มเหมือนคัสตาร์ด ขณะที่ไข่แดงยังคงข้นเล็กน้อยแต่ยังเหลวอยู่

วัตถุดิบ:
ไข่สด (ตามต้องการ)
น้ำ

เครื่องมือ:
หม้อไฟฟ้า (แบบอเนกประสงค์ หรือ หม้อไฟธรรมดา)
ทัพพีหรือช้อนสำหรับตักไข่ออก

คำแนะนำทีละขั้นตอน:
เติมน้ำลงในหม้อไฟฟ้า
ให้ท่วมไข่ เติมน้ำให้ท่วมหม้อไฟฟ้าให้เต็ม เว้นที่ไว้ด้านบนเพื่อป้องกันน้ำล้นเมื่อใส่ไข่ลงไป

ต้มน้ำ
ตั้งหม้อไฟฟ้าให้ต้มน้ำจนมีอุณหภูมิประมาณ 70°C (158°F) หากหม้อของคุณไม่มีอุณหภูมิ ให้ต้มน้ำให้เดือดก่อน จากนั้นปิดไฟและพักไว้ประมาณ 2-3 นาทีให้เย็นลงเล็กน้อย

ใส่ไข่ลงไป
ค่อยๆ ใส่ไข่ลงในน้ำอุ่น ปิดฝาหม้อเพื่อช่วยรักษาอุณหภูมิ

ปล่อยให้ไข่นิ่ง
ต้มไข่ในน้ำอุ่นประมาณ 12-15 นาที หากอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว คุณสามารถอุ่นน้ำอีกครั้งสักครู่ แต่อย่าปล่อยให้น้ำเดือดอีก

นำออกและพักให้เย็น
ใช้ทัพพีตักไข่ออกมา แช่ไข่ในน้ำเย็นประมาณหนึ่งนาทีเพื่อหยุดการปรุง

เสิร์ฟ:
ตอกไข่ใส่ชามเบาๆ ไข่ขาวควรนุ่มและเหนียวนุ่ม ส่วนไข่แดงควรข้นแต่เหลว เสิร์ฟพร้อมซอสถั่วเหลือง น้ำซุปดาชิเล็กน้อย หรือโรยต้นหอมเพื่อรสชาติแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม

ขั้นตอนการทำไข่ออนเซ็น
เตรียมไข่: นำไข่ไก่ออกจากตู้เย็น วางทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 15-30 นาที เพื่อให้ไข่คลายความเย็น จะช่วยให้ไข่ไม่แตกง่ายเมื่อนำไปต้ม

ตั้งน้ำในหม้อไฟฟ้า: ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อไฟฟ้า ให้ท่วมไข่พอดี

อุ่นน้ำให้ได้อุณหภูมิ: เปิดหม้อไฟฟ้าตั้งอุณหภูมิน้ำให้ได้ 63-65 องศาเซลเซียส (ถ้าหม้อไฟฟ้าของคุณมีปุ่มปรับอุณหภูมิ ให้ปรับไปที่โหมด “อุ่น” หรือ “Warm” ซึ่งโดยปกติจะอยู่ที่อุณหภูมิประมาณนี้)

เคล็ดลับ: หากหม้อไฟฟ้าของคุณไม่มีปุ่มปรับอุณหภูมิ ให้สังเกตจากไอน้ำที่เริ่มลอยขึ้นมาเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงกับเดือดพล่าน
ใส่ไข่ลงไป: เมื่อน้ำได้อุณหภูมิที่ต้องการแล้ว ค่อยๆ ใส่ไข่ไก่ลงไปในหม้ออย่างเบามือ ระวังอย่าให้ไข่กระทบกันหรือกระทบก้นหม้อแรงๆ เพราะอาจทำให้ไข่แตกได้
จับเวลา: ต้มไข่ในน้ำอุณหภูมิ 63-65 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15-20 นาที
15 นาที: ไข่ขาวจะเริ่มเซ็ตตัวแต่ยังมีความนิ่ม ไข่แดงเยิ้มกำลังดี
20 นาที: ไข่ขาวจะเซ็ตตัวมากขึ้น ไข่แดงยังคงเยิ้ม แต่จะข้นขึ้นเล็กน้อย
เคล็ดลับ: ระยะเวลาอาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของไข่และความร้อนของหม้อไฟฟ้า ลองทำหลายๆ ครั้งเพื่อหาระยะเวลาที่ถูกใจ
น็อคไข่: เมื่อครบกำหนดเวลาแล้ว รีบนำไข่ขึ้นจากหม้อไฟฟ้าทันที แล้วนำไปแช่ในชามน้ำเย็นจัดที่เตรียมไว้ (มีน้ำแข็งด้วยยิ่งดี) ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที เพื่อหยุดกระบวนการสุกของไข่และทำให้ปอกง่ายขึ้น

พร้อมเสิร์ฟ: ค่อยๆ ตอกไข่ออนเซ็นใส่ชาม โรยด้วยต้นหอมซอย พริกไทยป่น หรือจะเหยาะโชยุญี่ปุ่นเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติก็ได้ สามารถทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ หมูทอด ไก่ทอด หรือราเมนก็อร่อยเข้ากัน

เคล็ดลับสำหรับไข่ออนเซ็นที่สมบูรณ์แบบ:
ใช้ไข่ที่อุณหภูมิห้องเพื่อให้สุกสม่ำเสมอ
ฝึกฝนการควบคุมอุณหภูมิของน้ำด้วยหม้อไฟฟ้าของคุณเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ไข่ออนเซ็นเข้ากันได้ดีกับข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยว หรือสลัด

เคล็ดลับเพิ่มเติม
คุณภาพไข่: ใช้ไข่ไก่สดใหม่เสมอ จะได้ไข่ออนเซ็นที่อร่อยและปลอดภัย
อุณหภูมิน้ำ: อุณหภูมิเป็นหัวใจสำคัญของการทำไข่ออนเซ็น หากน้ำร้อนเกินไปไข่จะสุกเหมือนไข่ลวก หากเย็นไปไข่ก็จะไม่เซ็ตตัว
การปรับใช้กับหม้อไฟฟ้า: หากหม้อไฟฟ้าของคุณไม่มีฟังก์ชันอุ่น หรือไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ ให้ใช้วิธีต้มน้ำให้ร้อนจัดจนมีฟองปุดๆ ขึ้นมาเล็กน้อย (ยังไม่ถึงเดือดพล่าน) แล้วปิดไฟทันที จากนั้นใส่ไข่ลงไป ปิดฝาหม้อ และแช่ทิ้งไว้ตามเวลาที่กำหนด
การเก็บรักษา: ไข่ออนเซ็นที่ทำเสร็จแล้ว สามารถเก็บในตู้เย็นได้ประมาณ 1-2 วัน โดยแช่ในภาชนะที่มีฝาปิด
การทำไข่ออนเซ็นด้วยหม้อไฟฟ้าไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแค่ทำตามขั้นตอนและใส่ใจในเรื่องอุณหภูมิ คุณก็จะได้ไข่ออนเซ็นเนื้อเนียนนุ่ม ไข่แดงเยิ้มๆ ไว้ทานที่บ้านแล้ว

แค่มีหม้อไฟฟ้าและความอดทนอีกนิด คุณก็สัมผัสได้ถึงเนื้อสัมผัสและรสชาติอันหรูหราของไข่ออนเซ็นได้ที่บ้าน เมนูเรียบง่ายแต่หรูหราจานนี้ไม่เพียงแต่ทำง่าย แต่ยังเพิ่มสัมผัสแห่งความอร่อยให้กับทุกมื้ออาหารอีกด้วย ลองทำดู แล้วคุณจะสัมผัสได้ถึงมนต์เสน่ห์แห่งน้ำพุร้อนญี่ปุ่นในครัวของคุณ